โอ๋เป็นคนชอบดูหนังค่ะ แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดดูไปซะทุกเรื่อง…
ประเภทหนังที่ชอบๆ...เอาเข้าจริงๆ ก็เหมือนจะชอบหมดนะคะ เพราะจริงๆแล้ว หนังแต่ละประเภทก็มักจะมี “บางเรื่องที่โคตรดี บางเรื่องทีโคตร...เอิ่ม...ไม่ใช่แนวเราที่เราชอบ” ปะปนกันไปทั้งนั้น
ทั้งนี้ก็คือ มันจะมีบางครั้งที่เราไปขุดคุ้ยหาหนังมาดูแล้วพบว่า “เฮ้ย!! เราไม่เคยได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้มาก่อนเลย...ลองดูซะหน่อยก็ได้(ว๊า)” แล้ว ปัง!! ชอบมาก...
หนังบางเรื่องก็ไม่เคยเข้าฉายเมืองไทย
หนังบางเรื่องก็ไม่เคยคิดว่าจะดู…(ก็แปลเป็นชื่อภาษาไทยแล้วมันแปลกๆ ไม่น่าดูเอาซะเลย)
หนังบางเรื่องก็เก่ามากแล้ว แต่เกิดอยากดูตอนนี้ขึ้นมา…
เอาเป็นว่า โอ๋อาจจะพาทุกคนให้มาลองอ่านเรื่องราวที่ออกทำนองว่า ไม่คิดว่าจะชอบ แต่ดันชอบซะแล้ว ดูนะคะ เผื่อว่าเราเป็นพวกอารมณ์เดียวกัน เราอาจจะได้แลกเปลี่ยนความเห็นหรือเรื่องราวดีๆ ต่อกัน ต่อไป….^_^
The Book of Life (มหัศจรรย์พิสูจน์รักถึงยมโลก)
ประเภท : animation (แอนิเมชั่น)
ปี : 2014
เรื่องย่อ(มั้ง) :
หนังเรื่องนี้โอ๋เลือกมาดูแบบงงๆ นิดๆ แต่ที่สำคัญคือ รู้สึกว่าภาพสวยมาก คือแค่เห็นก็รู้สึกว่าสีสันกระจัดกระจาย กระเจิดกระเจิงมาก มันให้อารมณ์ที่กระแทกกระทั้นแต่ละมุนละไม(งงไม๊คะ...บางครั้งโอ๋ก็งงตัวเองเหมือนกัน...เพราะงั้น อย่าใส่ใจเลย) ถือว่าเป็นหนังที่มีรายละเอียดของการใช้สีที่สุดยอดมากจริงๆ ในความรู้สึกของโอ๋นะ
หนังเริ่มที่การมาทรรศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งของเหล่านักเรียนตัวน้อย แต่ด้วยความใจดีของผู้ดูแลสถานที่ พวกเขาจึงได้เข้าชมในแบบที่พิเศษสุดๆ ด้วยทางเข้าที่ไม่ธรรมดา…(โอ๋ชอบมาก เห็นทางเข้าแล้วทำให้นึกถึงเรื่อง อินเดียน่า โจนส์ ตอนที่โจนส์ ต้องตามไปช่วยพ่อ...อุ๊ย! ออกทะเลอีกแล้ว)
ผู้ดูแลสาวสวย เธอพาเด็กๆ เข้าไปพบกับหนังสือที่พิเศษสุดๆ(อีกแล้ว) เล่มหนึ่ง ชื่อว่า “The Book of Life” จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องที่ชวนให้เด็กๆ ลุ้นตามไปด้วย ซึ่งช่วงนี้จริงๆ แล้วดูเหมือนจะยืดๆ งั้นๆ แบบโครงเรื่องทั่วๆไปอยู่ซักหน่อย เป็นเรื่องราวความรักของเด็ก 3 คน แบบ ชาย 2 หญิง 1 ที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก และทั้งสองหนุ่มน้อยนั้น ต่างก็มีใจให้หญิงสาวเหมือนกัน…
เรื่องที่โอ๋อยากพูดถึงในหนังเรื่องนี้คือ การเล่าถึงวันปล่อยผี ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวแม็กซิกัน ว่าด้วยการระลึกถึงคนที่ตายไปแล้ว แต่พวกเขาเหล่านั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เขาจึงมีวันหนึ่งเป็นวันระลึกถึงผู้คนที่เคยเป็นที่รักด้วยการทำขนมปัง จุดเทียนไฟ ตั้งแทน(คล้ายๆ แท่นบูชา) แล้วมาอยู่รวมๆ กันในสถาที่หนึ่งแบ่งปันรอยยิ้ม และเรื่องราวดีๆ ต่อกัน โอ๋ว่าแนวคิดก็คลายๆ นรกสวรรค์ ของเราเหมือนกันนะ คือ โลกหลังความตายตามความเชื่อของเขา จะแบ่งเป็นโลกของผู้คนที่ยังอยู่ในความทรงจำ และผู้ที่ถูกลืม ซึ่งภาพก็จะสื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่า...ต่างกันอย่างไร
อีกเรื่องที่ไม่พูดถึง “ไม่ได้น๊า” คือเพลงในเรื่องนี้....จะบอกว่าชอบมาก(กไก่หลายตัว) เพลงทุกเพลงความหมายดี ดนตรีแบบแม็กซิกัน กีต้าโปร่งตัวเดียว... โอ๋ชอบความละมุนละไมของเพลงและเนื้อเพลงในหนังมากจริงๆ สำเนียงภาษาอังกฤษแบบแม็กซิกันก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบนะ อย่างนางเอกในเรื่อง เธอชื่อ มาเรีย...เวลาออกเสียงแบบแม็กซิกัน มันจะฟังเป็น “มาเรียอา” อย่างนี้เป็นต้น แล้วในเรื่องนี้ยังมีการพูดถึงการล่อวัวกระทิงโดยใช้ผ้าแดงโบกไปมาอีกด้วย...ให้แนวคิดเรื่องการเอาชนะโดยไม่จำเป็นต้องฆ่าของพระเอก…
เรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรมากมาย ทั้งเรื่องครอบครัวที่บังคับลูกมากเกินไป ความรัก ความเสียสละ การให้อภัย ถือได้ว่าเป็นหนังเด็กที่ สาวแก่อย่างโอ๋ดูแล้วไม่ผิดหวังเลยค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็แค่ย่อๆ นะคะ ยังมีอะไรอีกมากมายให้ค้นหาในเรื่องราวของเด็กทั้งสามคน และผู้เล่าเรื่องสาวสวยที่ไม่ธรรมดา...ถ้าใครชอบดู อนิเมชั่นก็ลองหามาดูกันได้ค่ะ (หวังว่าคงชอบเหมือนกันนะคะ)